กว่าจะมาเป็นกีต้าร์ Squier
ก่อตั้งโดยผู้อพยพชาวอังกฤษ
1890: ต้นกำเนิดของ Squier
Squier ถูกก่อตั้งขึ้นโดยผู้อพยพจากประเทศอังกฤษ นามว่า “เจอโรม โบนาปาร์ต สไควเออร์” (Jerome Bonaparte Squier) ซึ่งแบรนด์ Squier ได้โด่งดังและมีชื่อเสียงขึ้นมาในช่วงปลายทศวรรษที่ 19 จากการผลิตไวโอลินที่ทำด้วยมือ (hand-made violins) นอกจากนี้ Squier ยังผลิตสายไวโอลิน, สายแบนโจ และสายกีต้าร์ควบคู่กันไปในช่วงเวลานั้น โดยมีโรงงานตั้งอยู่ ณ เมืองแบตเทิลครีก รัฐมิชิแกน
ในเวลาต่อมา ลูกชายของเจโรม นามว่า วิกเตอร์ แครอล สไควเออร์ (Victor Carroll Squier) ได้รับช่วงกิจการของบริษัทต่อมาจากพ่อของเขา และได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Victor Carroll Squier” โดยได้ขยายธุรกิจไปสู่การผลิตเปียโน, วิทยุ และแผ่นเสียง
สายกีต้าร์ MasterSound
Squier ในทศวรรษ 1950: ความร่วมมือกับ Fender
ในต้นทศวรรษที่ 1950 ขณะที่ลีโอ เฟนเดอร์ (Leo Fender) กำลังง่วนอยู่กับการบุกเบิกกีต้าร์ไฟฟ้าชนิดใหม่ที่ไม่มีใครเหมือน บริษัท V.C. Squier ก็ได้ผลิตสายกีต้าร์ให้กับ Fender บริษัทน้องใหม่ที่พึ่งเริ่มก่อตั้งขึ้นทางแคลิฟอร์เนียตอนใต้ ความร่วมมือกันของทั้งสองบริษัทได้เจริญเติบโตขึ้น โดยบริษัท Fender ได้เจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดษในทศวรรษต่อมา
ยุคของ CBS
Squier ในทศวรรษ 1960: กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Fender
ในปี 1963 บริษัท V.C. Squier ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็น Original Equipment Manufacturer (OEM) เพื่อผลิตสายกีต้าร์ให้กับบริษํท Fender และต่อมาในปี 1965 บริษัท V.C. Squier ได้ถูกซื้อกิจการโดย Fender ซึ่งเป็นเวลาเพียงหนึ่งเดือนก่อนที่ Fender จะถูกซื้อกิจการโดยบริษัทซีบีเอส (CBS) ในเวลาต่อมา
โดยสายกีต้าร์ยี่ห้อ V.C. Squier ยังคงยืนหยัดอยู่ต่อไปภายใต้การดำเนินกิจการของบริษัท CBS ซึ่งโฆษณา Jimi Hendrix ที่หาดูได้ยากยิ่งก็ยังรอดพ้นจากยุคนี้ รวมทั้งการออกแบบโฆษณาที่โด่งดังโดย Bob Perine อย่าง “You Won’t Part with Yours Either” ด้วยเช่นกัน
การขยายตัวของธุรกิจกีต้าร์
ตั้งแต่ปี 1946 Fender ได้ดึงดูดมือกีต้าร์ไว้อย่างมากมายก่อนหน้าที่ลีโอ เฟนเดอร์จะเริ่มสร้างกีต้าร์ตัวแรกเสียอีก โดยลีโอได้สร้างสรรค์แอมป์กีต้าร์ขึ้นมาในรุ่นนักเรียน (Student-Princeton), รุ่นกลาง (Intermediate-Deluxe) และรุ่นโปรเฟสชั่นแนล (Professional-Pro) โดยเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงผู้เล่นเป็นสำคัญ ซึ่งมรดกตกทอดของกีต้าร์, แอมป์ และกีต้าร์เบสที่ถูกออกแบบมาสำหรับนักเรียนได้ถูกเปิดตัวตามออกมาอีก อาทิเช่น แอมป์กีต้าร์ Champ ในปี 1948, กีต้าร์ Duo-Sonic และกีต้าร์ Musicmaster ในปี 1956, กีต้าร์และเบส Mustang ในกลางทศวรรษ 1960 ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกเอ่ยถึงเพียงบางส่วนเท่านั้น กีต้าร์ Squier ได้ถูกเปิดตัวขึ้นในปี 1982 - โดยได้เติบโตขึ้นมาเป็นเครื่องดนตรีที่สามารถจับต้องได้สำหรับผู้เล่นที่มีความใฝ่ฝัน (affordably priced instruments for the aspiring player)
Squier ในทศวรรษ 1980: กีต้าร์แบรนด์ Squier
ในปี 1982 บริษัท Fender CBS ได้เผชิญหน้ากับความท้าทายจากการแข่งขันในการนำเข้าของยี่ห้อกีต้าร์ที่มีราคาต่ำและมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่จะผลิตในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งยี่ห้อส่วนใหญ่เหล่านี้จะเป็นการลอกเลียนแบบการออกแบบของ Fender อย่างชัดเจน และบริษัท Fender ก็มีปัญหาในการที่จะแข่งขันกับยี่ห้อที่มีราคาที่ต่ำแบบสุดๆ เหล่านี้
เพื่อที่จะแก้ไขปัญหา บริษัท Fender จึงได้ตัดสินใจที่จะนำเข้ากีต้าร์จากประเทศญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน และเพื่อไม่ให้เป็นการกระทบและคงไว้ซึ่งชื่อเสียงของแบรนด์ Fender ที่มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา กีต้าร์ที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่นนี้จึงได้ใช้ชื่อแบรนด์ “Squier”
CBS ขาย Fender
1985: การเริ่มต้นในยุคของ Bill Schultz
ในปี 1985 Bill Schultz และกลุ่มของนักลงทุนได้ดึงแบรนด์ Fender กลับมาจาก CBS การเปลี่ยนผ่านความเป็นเจ้าของเป็นสัญญาณการกลับมาของแบรนด์ Fender ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี โรงงาน Fender ที่แคลิฟอร์เนียได้ฟื้นคืนกลับขึ้นมาอีกครั้ง แผนก Custom Shop ได้ถูกก่อตั้งขึ้น และโรงงานในเมืองเอ็นเซนาด้า ประเทศแม็กซิโกก็ได้ถูกเปิดตัวขึ้น แบรนด์ Squier ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งและได้ก้าวข้ามไปสู่พรมแดนใหม่
แบรนด์อันทรงคุณค่าของ Fender
Squier ในทศวรรษ 1990: วิสัยทัศน์ใหม่
จากจุดเริ่มต้นที่เป็นการทดลองเพื่อความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงของตลาด ในท้ายที่สุด Squier ได้กลายมาเป็นไลน์การผลิตกีต้าร์, แอมป์ และกีต้าร์เบสเต็มรูปแบบ โดยถูกออกแบบมาเพื่อผู้เล่นที่มีความฝันใฝ่ (aspiring player) เครื่องดนตรีแบรด์ Squier ได้กลายมาเป็นแบรนด์ “street fighter” คือไลน์ของเครื่องดนตรีที่มีคุณค่าที่จะช่วยให้บริษัทยังคงไว้ซึ่งความสามารถในการแข่งขันโดยไม่ลดคุณค่าของแบรนด์ Fender ลง
ตลอดทศวรรษที่ 1990 ภายใต้การคุมบังเหียนของ Bill Schultz แบรนด์ Squier เปรียบเสมือนกับพื้นที่ๆ จะทดลองไอเดียใหม่ๆ และการร่วมมือกันกับศิลปิน
Squier ในทศวรรษ 2000: Cool for School
ในทศวรรษนี้ Squier ได้เติบโตและเป็นที่ยอมรับอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กีต้าร์และเบสรุ่น “ศิลปิน” อย่าง Pete Wentz แห่งวง Fall Out Boy, Avril Lavigne, Jim Root แห่งวง Slipknot, John 5 แห่งวง Rob Zombie และ J Mascis แห่งวง Dinosaur Jr. ได้ถูกสรรค์สร้างออกมาและเป็นที่โด่งดังเป็นอย่างมาก ศิลปินเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นผู้เล่นในยุคใหม่ได้เติบโตขึ้นมากับกีต้าร์และเบส Squier และชื่นชอบในความคิดที่จะสร้างสรรค์กีต้าร์และเบสรุ่นลายเซ็นของตนเองขึ้นมา
Squier ในทศวรรษ 2010: Classic Vibes
ผ่านไปหนี่งทศวรรษในศตวรรษที่ 20 Squier ได้เปิดตัวกีต้าร์และเบสในซีรีย์ Classic Vibes ในปี 2008 โดยมีรากฐานมาจากการออกแบบที่คลาสสิคจาก Fender เติมเต็มด้วยความโมเดิร์นสมัยใหม่ โดยกีต้าร์ในซีรีย์ Classic Vibes ได้สร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นมาสหรับกีต้าร์ที่มีโทนเสียงที่ยอดเยี่ยม, รูปลักษณ์สไตล์วินเทจ และความคุ้มค่า เครื่องดนตรีที่ชนะรางวัลในซีรีย์นี้จะมุ่งหน้าต่อไปในทศวรรษที่ 2020 และจะเป็นพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าให้กับ Squier
มาถึง ณ จุดนี้ Fender และ Squier ได้กลายมาเป็นคู่หูกัน (dynamic duo) โดยเสริมเติมเต็มซึ่งกันและกัน ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นมีทางเลือกและเข้าถึงกีต้าร์ที่มีคุณภาพได้มากยิ่งขึ้น ในราคาที่น่าดึงดูด
ก้าวสู่ทศวรรษที่ 2020: อนาคตอันสดใส
กีต้าร์ Squier ไม่เพียงที่จะนำพาคุณเข้าสู่โลกของกีต้าร์ด้วยความมั่นใจ แต่ยังมาพร้อมกับคุณภาพที่เต็มเปี่ยม ไม่ว่าคุณจะพึ่งเริ่มต้นเล่นหรือมีประสบการณ์ในการเล่นก็ตาม กีต้าร์ที่มีสัมผัสที่ลื่นไหล, รูปลักษณ์ที่งดงาม และโทนเสียงที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังเป็นกีต้าร์ที่เหมาะกับการนำไปปรับแต่ง (modification) ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนอะไหล่ต่างๆ อย่างปิ๊กอัพและวงจร ตามแต่จินตนาการของคุณจะนำพาไป!