Jackson MJ Series: Japan Quality
จุดเริ่มต้นของ Jackson’s Made in Japan
เพื่อขยายความสามารถในการผลิตให้กับกีต้าร์ยี่ห้อชาร์เวล (Charvel) โกรเวอร์ แจ็กสัน (Grover Jackson) ได้เริ่มต้นที่จะนำเข้ากีต้าร์ซึ่งผลิตในประเทศญี่ปุ่นและได้เลือกโรงงานชูชิน (Chushin Musical Instruments) และโทคิ กาคิ (Toki Gaki) ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลเรื่องทักษะและฝีมือในการผลิตที่ละเอียดอ่อน และด้วยความนิยมในดนตรีแนวเฮฟวี่ เมทัล (heavy Metal) ซึ่งส่งผลให้ความต้องการของกีต้าร์ Jackson เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ในปี 1990 จึงได้มีการเปิดตัวกีต้าร์ Jackson ใน Professional Series ที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นขึ้น จนกระทั่งขณะนั้น กีต้าร์ Jackson สามารถซื้อโดยผ่านช่องทาง USA Custom Shop เพียงช่องทางเดียว ซึ่งมีราคาที่สูงสำหรับมือกีต้าร์ทั่วๆ ไป โดยกีต้าร์ที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นจะช่วยเติมเต็มความต้องการของมือกีต้าร์เมทัลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
คุณภาพอันยอดเยี่ยมในแบบฉบับญี่ปุ่น
ในต้นทศวรรษที่ 1990 กีต้าร์ Jackson ซึ่งผลิตขึ้นในประเทศญี่ปุ่น มีชื่อเรียกว่า “Professional Series” (หรือบางครั้งเรียกย่อว่า “Pro”) ซึ่งประกอบด้วยกันทั้งหมด 8 รุ่น คือ Soloist, Warrior, Rhoads และกีต้าร์ในรุ่นศิลปิน โดยในการเตรียมพร้อมเพื่อการเปิดตัวกีต้าร์ที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นนี้ ช่างฝีมือชาวอเมริกันได้ถูกส่งไปที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่ออบรมพนักงานในเรื่องของรายละเอียดและความสลับซับซ้อนในกีต้าร์แต่ละรุ่น – โดยผลลัพธ์และผลงานที่ได้ออกมานั้นถือว่ายอดเยี่ยมมาก
โดยในบทความนี้ เบ๊ เงียบ เส็ง มีความภาคภูมิใจที่จะนำเสนอกีต้าร์ Jackson MJ Series ใน 3 รุ่นด้วยกัน
สไตล์ที่คลาสสิค
MJ SERIES SIGNATURE MISHA MANSOOR SO-CAL 2PT
นี่คือทรงกีต้าร์ที่แตกต่างจากบอดี้ของทรง Juggernaut รุ่นซิกเนเจอร์ของเขาเอง ซึ่งมิชา มันซูร์ (Misha Mansoor) ได้ย้อนยุคกลับไปสู่ความเป็นโอลด์สกูลแบบดั้งเดิมโดยเป็นกีต้าร์ที่มีต้นแบบมาจากรุ่นตำนานของ Jackson ส่งผลให้ได้กีต้าร์รุ่นใหม่ MJ Series Signature Misha Mansoor So-Cal 2PT ซึ่งได้หลอมรวมมรดกตกทอดที่โด่งดังไปทั่วโลกของ Jackson เข้ากันกับคุณสมบัติระดับสูงสุดมากมาย อาทิเช่น คันโยกแบบ two-point floating tremolo, ปิ๊กอัพคัสต้อม Bare Knuckle ในภาพรวมมือกีต้าร์แห่งวง Periphery ได้ถ่ายผ่านความเป็นโปรเกรสซีฟเมทัลสู่กีต้าร์รุ่นนี้ได้อย่างลงตัว
ปิ๊กอัพฮัมบัคเกอร์ Bare Knuckle Ragnarok ในตำแหน่งสะพานสายจะคำรามด้วยโทนเสียงที่หนักแน่นแต่ในขณะเดียวกันยังเจือปนด้วยความคมชัดของโทนเสียง ในขณะที่ปิ๊กอัพซิงเกิ้ลคอยล์ Bare Knuckle Trilogy ในตำแหน่งกลางและสะพานสายจะมีเอาท์พุตที่รุนแรงโดยเทียบเคียงได้กับปิ๊กอัพในสไตล์ P-90s
ดูกีต้าร์ Jackson MJ Series Signature Misha Mansoor So-Cal 2PT เพิ่มเติม
อินเลย์เรืองแสง
อินเลย์เรืองแสง (Luminlay fluorescent inlays) ที่จะให้คุณเห็นจุดบอกตำแหน่งทางด้านข้างคอกีต้าร์ได้อย่างชัดเจนในความมืด ไม่ว่าในการเล่นในการเปิดตัวคอนเสิร์ตหรือการเล่นระหว่างหยุดพักการแสดง โดยจุดอินเลย์เรืองแสงนี้จะอยู่ในกีต้าร์ทุกๆ รุ่นของ MJ Series
เสียงอันทรงพลัง
MJ SERIES DINKY™ DKRP
Jackson ขึ้นชื่อในเรื่องของการคัดสรรไม้สำหรับการผลิตกีต้าร์ และกีต้าร์ Jackson Dinky™ DKRP ก็มีรูปลักษณ์ที่สะดุดตาจากไม้ poplar burl ที่เห็นได้จากทางด้านหน้าลำตัวกีต้าร์ ซึ่งจะเสริมเพิ่มทั้งสไตล์และความงดงามใหกับเครื่องดนตรีที่มีมีความรวดเร็วชิ้นนี้ และยังมาพร้อมกับปิ๊กอัพ Super Distortion® DP100 และ DiMarzio PAF Pro® DP151 pickups ที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วทั้งในเรื่องของพลังและโทนเสียง
Poplar Burl Top
“Burl” เป็นการอธิบายถึงรูปแบบของการเจริญเติบโตของต้นไม้ที่เป็นผลมาจากการติดเชื้อที่ลำต้นของต้นไม้ (เช่น การบาดเจ็บ) เมื่อต้นไม้เริ่มฟื้นตัว ลายของไม้จะเต็มไปด้วยตาไม้ที่มีลายงดงามจากหน่อไม้ซึ่งได้ตายลงไปแล้ว Burl จะมีลายไม้ที่สวยงามและชัดเจน โดยเป็นที่ต้องการอย่างสูงจากช่างไม้และก็มีราคาสูงมากด้วย ไม้ Burl ทางด้านหน้าลำตัวกีต้าร์ MJ Series Dinky™ DKRP มาพร้อมกับสีม่วงแบบโปร่งแสงที่สะดุดตา
ดูกีต้าร์ Jackson MJ Series Dinky DKRP เพิ่มเติม
สไตล์ที่ซับซ้อน
MJ SERIES DINKY™ DKR
กีต้าร์ MJ Series Dinky DKR มีมาในสีฟ้า Ice Blue Metallic กับปิ๊กอัพสีขาว, อินเลย์มุกลายหูฉลาม (pearloid sharkfin) บนเฟรตที่ 12 และฮาร์ดแวร์สีโครเมี่ยม (Chrome) ในขณะที่กีต้าร์สีดำ (Satin Black) จะมาพร้อมกับปิ๊กอัพสีเหลือง, อินเลย์สีเหลืองลายหูฉลามและฮาร์ดแวร์สีดำ โดยในทั้งสองรุ่นมีหัวกีต้าร์ที่เป็นแบบหัวกลับและมีสีเดียวกันกับลำตัวกีต้าร์
ปิ๊กอัพ DiMarzio® Super Distortion DP100 และ DiMarzio PAF Pro DP151 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นชุดปิ๊กอัพที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีทั้งในเรื่องของโทนเสียงและพลังเสียง ในส่วนของเสียงแตกเมื่อเล่นผ่านตู้แอมป์แบบหลอด ปิ๊กอัพฮัมบัคเกอร์ Super Distortion ในตำแหน่งสะพานสายจะถ่ายทอดโทนเสียงในย่านเสียงกลางที่เต็มอิ่ม, ย่านเสียงเบสที่หนักแน่น และย่านเสียงสูงที่อ้วนหนา ในขณะที่ปิ๊กอัพ PAF Pro ในตำแหน่งคอจะถ่ายทอดโทนเสียงที่คมชัดและชัดเจนในขณะเล่นผ่านแอมป์แบบ high-gain รวมทั้งสวิทช์เลือกปิ๊กอัพแบบ 5 ทาง เพื่อเลือกปิ๊กอัพฮัมบัคเกอร์ในตำแหน่ง 1,3 และ 5 หรือเลือกปิ๊กอัพซิงเกิ้ลคอยล์ (ตัดคอยล์) ในตำแหน่งที่ 2 และ 4